ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter Connection Network หมายถึง เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกัน ลักษณะของระบบอินเทอร์เน็ต เป็นเสมือนใยแมงมุม ที่ครอบคลุมทั่วโลก ในแต่ละจุดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้น สามารถสื่อสารกันได้หลายเส้นทาง โดยไม่กำหนดตายตัว และไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางโดยตรง อาจจะผ่านจุดอื่น ๆ หรือ เลือกไปเส้นทางอื่นได้หลาย ๆ เส้นทาง ดังรูป
อินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน ถูกพัฒนามาจากโครงการวิจัยทางการทหารของกระทรวงกลาโหมของประเทศ สหรัฐอเมริกา คือAdvanced Research Projects Agency (ARPA) ในปี 1969 โครงการนี้เป็นการวิจัยเครือข่ายเพื่อ
การสื่อสารของการทหารในกองทัพอเมริกา หรืออาจเรียกสั้นๆ ได้ว่า ARPA Net ในปี ค.ศ. 1970 ARPA Net ได้มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นโดยการเชื่อมโยงเครือข่ายร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา คือ มหาวิทยาลัยยูทาห์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตาบาบารา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ลอสแองเจลิส และสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการใช้ อินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
สำหรับในประเทศไทย อินเทอร์เน็ตเริ่มมีการใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2530 ที่มหาวิยาลัยสงขลานครินทร์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากโครงการ IDP (The International Development Plan) เพื่อให้มหาวิทยาลัยสามารถติต่อสื่อสารทาง
อีเมลกับมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นในออสเตรเลียได้ ได้มีการติดตั้งระบบอีเมลขึ้นครั้งแรก โดยผ่านระบบโทรศัพท์ ความเร็วของโมเด็มที่ใช้ในขณะนั้นมีความเร็ว 2,400 บิต/วินาที จนกระทั่งวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2531 ได้มีการส่งอีเมลฉบับแรกที่ติดต่อระหว่างประเทศไทยกับมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จึงเปรียบเสมือนประตูทางผ่าน (Gateway) ของไทยที่เชื่อมต่อไปยังออสเตรเลียในขณะนั้น
ในปี พ.ศ. 2533 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาของรัฐ โดยมีชื่อว่า เครือข่ายไทยสาร (Thai Social/Scientific Academic and Research Network : ThaiSARN) ประกอบด้วย มหาวิยาลัยสงขลานครินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตภายในประเทศ เพื่อการศึกษาและวิจัย
ในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการบริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ขึ้น เพื่อให้บริการแก่ประชาชน และภาคเอกชนต่างๆ ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยมีบริษัทอินเทอร์เน็ตไทยแลนด์ (Internet Thailand ) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
(Internet Service Provider: ISP) เป็นบริษัทแรก เมื่อมีคนนิยมใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น บริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต
จึงได้ก่อตั้งเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมา
อินเทอร์เน็ต เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (ARPAnet =Advanced Research Projects Agency Network) เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) อาร์ป้าเน็ตได้รับทุนสนันสนุนจากหลายฝ่าย และเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบาย และได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจาก 4 เครือข่ายเข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ 1)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลองแองเจอลิส 2)สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด 3)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาบาร่า และ4)มหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่งดาป้าเน็ตได้โอนหน้าที่รับผิดชอบให้แก่หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหารเครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในอินเทอร์เน็ต, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัครทั้งสิ้น
ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) ดาป้าเน็ตตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ จึงเป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน เพราะ TCP/IP เป็นข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโลกสื่อสารด้วยความเข้าใจบนมาตรฐานเดียวกัน
ค.ศ.1980(พ.ศ.2523) ดาป้าเน็ตได้มอบหน้าที่รับผิดชอบการดูแลระบบอินเทอร์เน็ตให้มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation - NSF) ร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน
ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เริ่มใช้การกำหนดโดเมนเนม (Domain Name) เป็นการสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distribution Database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บไซต์ www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ในเครื่องบริการโดเมนเนมหรือไม่ ถ้ามีก็จะตอบกับมาเป็นหมายเลขไอพี ถ้าไม่มีก็จะค้นหาจากเครื่องบริการโดเมนเนมที่ทำหน้าที่แปลชื่ออื่น สำหรับชื่อที่ลงท้ายด้วย .th มีเครื่องบริการที่ thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูลของโดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมด
ค.ศ.1991(พ.ศ.2534) ทิม เบอร์เนอร์ส ลี (Tim Berners-Lee) แห่งศูนย์วิจัย CERN ได้คิดค้นระบบไฮเปอร์เท็กซ์ขึ้น สามารถเปิดด้วย เว็บเบราวเซอร์ (Web Browser) ตัวแรกมีชื่อว่า WWW (World Wide Web) แต่เว็บไซต์ได้รับความนิยมอย่างจริงจัง เมื่อศูนย์วิจัย NCSA ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบน่าแชมเปญจ์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม MOSAIC (โมเสค) โดย Marc Andreessen ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ระบบกราฟฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทำโมเสคก็ได้ออกไปเปิดบริษัทเน็ตสเคป (Browser Timelines: Lynx 1993, Mosaic 1993, Netscape 1994, Opera 1994, IE 1995, Mac IE 1996, Mozilla 1999, Chimera 2002, Phoenix 2002, Camino 2003, Firebird 2003, Safari 2003, MyIE2 2003, Maxthon 2003, Firefox 2004, Seamonkey 2005, Netsurf 2007, Chrome 2008)
ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ ผู้ติดสิน ผู้เสนอ ผู้ทดสอบ ผู้กำหนดมาตรฐานก็คือผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก่อนประกาศเป็นมาตรฐานต้องมีการทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้นก่อน ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain Name ก็จะยึดตามนั้นต่อไป เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลพื้นฐานอาจต้องใช้เวลา
ระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย
ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อภายในประเทศ
ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ
องค์ประกอบของการใช้อินเทอร์เน็ตรายบุคคล
4. โมเด็ม (Modem)
โมเด็ม คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณ เนื่องจากสัญญาณในคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณดิจิทัล (Digital) แต่สัญญาณเสียงในระบบโทรศัพท์เป็นสัญญาณอนาล็อก (Analog) ดังนั้นเมื่อต้องการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตจึงต้องใช้โมเด็มเพื่อเป็นอุปกรณ์ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อกตามสายโทรศัพท์ และแปลงกลับจากสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิทัล เมื่อถึงปลายทาง
ตั้งชื่อหรือตัวอักษรขึ้นมาแทนที่ IP address ซึ่งสะดวกในการจดจำมากกว่า เช่น IP address คือ 203.183.233.6 แทนที่ด้วยชื่อ dusit.ac.th ผู้ใช้งานสามารถ จดจำชื่อ dusit.ac.th ได้ง่ายกว่า การจำตัวเลขโดเมนที่ได้รับความนิยมกันทั่วโลก ที่ถือว่าเป็นโดเมนสากล มีดังนี้ คือ
.com ย่อมาจาก commercial สำหรับธุรกิจ
.edu ย่อมาจาก education สำหรับการศึกษา
.int ย่อมาจาก International Organization สำหรับองค์กรนานาชาติ
.org ย่อมาจาก Organization สำหรับหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
.net ย่อมาจาก Network สำหรับหน่วยงานที่มีเครือข่ายของ ตนเองและทำธุรกิจด้านเครือข่าย
.edu ย่อมาจาก education สำหรับการศึกษา
.int ย่อมาจาก International Organization สำหรับองค์กรนานาชาติ
.org ย่อมาจาก Organization สำหรับหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
.net ย่อมาจาก Network สำหรับหน่วยงานที่มีเครือข่ายของ ตนเองและทำธุรกิจด้านเครือข่าย
การขอจดทะเบียนโดเมน
โดเมนเนมที่ลงท้าย ด้วย .th ประกอบด้วย
คู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน (Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเทอร์เน็ตได้ ดังรูป
3. โมเด็มสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note Book Computer) อาจเรียกสั้นๆว่า PCMCIA modem
2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection)
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT
อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
1. บริการอินเทอร์เน็ตผ่าน ISDN (Integrated Service Digital Network)
(One way) คือ จะมีการส่งสัญญาณมายังผู้ใช้ (download) ด้วยความเร็วสูงในระดับเมกะบิตต่อวินาที แต่การส่งสัญญาณกลับไปหรือการอัพโหลด จะทำได้โดยผ่านโทรศัพท์แบบธรรมดา ซึ่งจะได้ความเร็วที่ 56 Kbps การใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอาจได้รับการรบกวนจากสภาพอากาศได้ง่าย
4. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ในปัจจุบันมีเพียงรายเดียว คือ CS Internet ในเครื่อชินคอร์ปอเรชั่น
บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
1. เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการเรียกดูเว็บไซต์ต้องอาศัยโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ในการดูข้อมูล เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม Internet Explorer (IE) , Netscape Navigator
อีเมลแอดเดรส (E-mail address)
FTP Commander
7. ห้องสนทนา (Chat Room)ห้องสนทนา คือ การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีการส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน การเข้าไปสนทนาจำเป็นต้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการห้องสนทนาเช่น www.sanook.com http://www.pantip.com/ฃ
ท่องโลก อินเตอร์เน็ต www ด้วย Internet Explorer
เข้าสู่ Internet Explorer
ก่อนที่เราจะสามารถใช้ Internet Explorer ได้นั้นต้องต้องทำการเชื่อมต่อกับเครือข่าย internet หลังจากนั้นจึงเรียกโปรแกรม Internet Explorer ได้โดยทำการคลิกเมาส์ ที่ปุ่มลัญลักษณ์รูป ตัว e ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเลือก Program > Internet Explorer > Internet Explorer > จากเมนูปุ่ม Start
ส่วนประกอบที่สำคัญของ Internet Explorer
สำหรับส่วนประกอบที่สำคัญของโปรแกรม Internet Explorer มีดังนี้
- แถบชื่อ (Title Bar) แสดงชื่อเว็บไซต์ที่โปรแกรมกำลังเปิดอยู่
- เมนู (Menu Bar) เป็นที่รวบรวมคำสั่งการใช้งานของ Internet Explorer ทั้งหมด
- แถบเครื่องมือ (Toolbar) เป็นแถบที่แสดงคำสั่งพื้นฐานทั่วไป
- แถบเครื่องมือแอดเดรส (Address toolbar) ใช้เป็นแถบที่มีช่องเพื่อรับการกรอกแอดเดรสของเว็บเพจที่จะเปิด
- สัญลักษณ์เคลื่อนไหว ใช้แสดงว่าขณะนี้กำลังโหลดเว็บเพจอยู่ (ภาพเคลื่อนไหว) หรือว่าโหลดสมบูรณ์ (ภาพนิ่ง) และที่มุมล่างด้านซ้าย จะปรากฏคำว่า Done
- แถบสถานะ (Status bar) ใช้แสดงข้อมูลต่างๆ เช่นความคืบหน้าในการโหลดเว็บเพจแอดเดรสของลิงค์ที่เราเลื่อนเมาส์ไปชี้ และความปลอดภัยของเว็บไซต์นี้เป็นต้น
ช่อง Address
- เป็นช่องสำหรับพิมพ์ URL ซึ่งเป็นตำแหน่งที่อยู่ในเอกสารเว็บที่ปรากฏในรูปแบบ
- <protocol>://<domain name> ตัวอย่างเช่น
- http://www.kku.ac.th/
- โปรโตคอลที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลใน World Wide Web คือ http
http (hyperText Transport Protocol)
เป็นโปรโตคอล หรือข้อกำหนดที่ระบุว่า
- สนับสนุนการรับส่งข้อมูลแบบ HyperText (Hyper Text หมายถึง ข้อความที่มีการเชื่อมโยงไปยังเอกสาร Hyper Text อื่นๆ ได้อีก)
- ปัจจุบันภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เขียนข้อมูลหรือเอกสารแบบ HyperText เช่น html, asp, php
- html (HyperText markup lanuguae) เอกสารจะเป็นแบบสามารถฝังจุดเชื่อมโยงหลายมิติ (hypertext) ได้ แทรกรูปภาพ, เสียง, ภาพเคลื่อนไหว ในเอกสารได้
- asp (Active Server Page) เป็นภาษาที่ช่วยให้โต้ตอบข้อความกับผู้ใช้ได้ ในลักษณะของ Dynamic Webpage สามารถสืบค้นจากฐานข้อมูลได้ ภาษา asp ใช้กับ Server ที่ติดตั้ง OS ของ Microsoft
- php (Professional Home Page) เป็นภาษาที่ทำงานได้บนคอมพิวเตอร์ทุก Platform (Microcomputer [Intel, MacIntosh], Workstation [Sun], Minicomputer, etc.) php ช่วยให้ Webpage มีลักษณะของ Dynamic ที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับผู้ใช้ที่มาเยี่ยมชน Website เช่นเดียวกับ asp แต่ php เป็นภาษาในลักษณะของ open source ที่ฟรี ไม่มีใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่มีข้อจำกัดว่าต้องทำงานบนคอมพิวเตอร์ประเภทใด
การเก็บบันทึกที่อยู่ของเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ (Favorites)
เมื่อเล่นอินเทอร์เน็ต บางครั้งผู้ใช้อาจพบเว็บไซต์ที่น่าสนใจและต้องการย้อนกลับมาดูเว็บไซต์นี้อีกในคราวหลัง ซึ่งโปรแกรม Internet Explorer สามารถช่วยให้เราบันทึกที่อยู่ของเว็บไซต์ไว้ ซึ่งวิธีการบันทึกทำได้ดังนี้- ที่ช่อง Name :
จะปรากฏข้อความตาม Title Page สามารถพิมพ์ข้อความใหม่ได้ สามารถกำหนด Folder ที่จะบันทึกได้โดยคลิกที่ปุ่ม Create In: หากต้องการสร้าง Folder ใหม่ ให้คลิกปุ่ม New Folder: ช่อง Make available offline หมายถึง ต้องการบันทึกแบบให้สามารถเรียกใช้งานในแบบ Offline หรือไม่ต้องติดต่อเข้าอินเทอร์เน็ตก็เปิด Web หน้านี้ได้
- คลิกปุ่ม OK เพื่อบันทึกที่อยู่เว็บไซต์
การใช้ Link
Link เป็นข้อความ หรือรูปภาพ ทีเมื่อเราเลื่อนตัวเมาส์ ไปอยู่เหนือ Link สัญลักษณ์ของตัวเมาส์จะเปลี่ยนไปจากรูป ลูกศร เป็นรูปมือ เมื่อเรา Click Mouse ที่ link โปรแกรม Internet Explorer จะกระโดดไปยังหน้าเว็บเพจที่ link นั้นเชื่อมโยง
ใช้ URL กระโดดไปยังหน้าที่ต้องการ
ในการท่อง www เราอาจเปิดดูเว็บเพจไปเรื่อยๆ โดยการ Click Mouse หรือ link ที่สนใจ แต่เพื่อหารค้นหาข้อมูลทีมีประสิทธิภาพมากกว่าเราต้องรู้วิธีเปิดเว็บเพจที่ต้องการโดยตรง
เว็บเพจแต่ละหน้าใน www จะมีตำแหน่งเก็บเจาะจงที่เรียกว่า URL เมื่อต้องการเปิดดูเว็บเพจใดเราต้องระบุ URL ของเว็บเพจนั้นให้ Internet Explorer ทราบเช่น เมื่อต้องการเข้าเยี่ยมชมเว็บของกศน.พระยืน เราต้องพิมพ์ URL ของเว็บไซต์ http://202.143.137.109/0527 ในช่อง address
1. click mouse ช่อง address
2. พิมพ์ URL ของเว็บไซต์ที่เราต้องการเยี่ยมชมแล้วกด Enter
3. สักครู่ Internet Explorer จะแสดงเว็บเพจที่เราต้องการ
Web Browser หรือมักนิยมเรียกกันว่า Browser
คือโปรแกรมที่ใช้สำหรับเป็นประตูเปิดเข้าสู่โลก WWW (World Wide Web) หรือพูดกันอย่างง่ายก็คือโปรแกรมที่ใช้สำหรับเล่นอินเทอร์เน็ต ที่เรานิยมใช้กันอยู่ทุกวันนี้โดยเว็บเบราว์เซอร ์ (Web Browser) จะเข้าใจในภาษาHTML นี้คือเหตุผลว่าทำไมต้องใช้ภาษา HTML ในการสร้างเว็บเพจ เพราะโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์นั่นสามารถเข้าใจ และสามารถทำงานตามคำสั่งของภาษา HTMLได้
ฉะนั้นเมื่อเขียนเว็บเพจด้วยภาษา HTMLนักเรียนจะทราบว่าผลลัพธ์ของคำสั่งต่าง ๆ นั่นทำงาน ถูกต้องหรือไม่อย่างไร ต้องใช้โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์เปิดดู ซึ่งโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ที่นิยมใช้ ในปัจจุบัน มีหลายโปรแกรม เช่น โปรแกรม Firefox , โปรแกรม
Internet Explorer หรือโปรแกรม Netscape Comunicator แต่ส่วนมากนิยมใช้ โปรแกรม Internet Explorer หรือเรียกย่อ ๆ ว่า IE เพราะเป็นโปรแกรมที่มีมาพร้อมกับการติดตั้งระบบปฏิบันการวินโดวส์อยู่แล้ว
ฉะนั้นเมื่อเขียนเว็บเพจด้วยภาษา HTMLนักเรียนจะทราบว่าผลลัพธ์ของคำสั่งต่าง ๆ นั่นทำงาน ถูกต้องหรือไม่อย่างไร ต้องใช้โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์เปิดดู ซึ่งโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ที่นิยมใช้ ในปัจจุบัน มีหลายโปรแกรม เช่น โปรแกรม Firefox , โปรแกรม
Internet Explorer หรือโปรแกรม Netscape Comunicator แต่ส่วนมากนิยมใช้ โปรแกรม Internet Explorer หรือเรียกย่อ ๆ ว่า IE เพราะเป็นโปรแกรมที่มีมาพร้อมกับการติดตั้งระบบปฏิบันการวินโดวส์อยู่แล้ว
ประโยชน์ของ Web Browserสามารถดูเอกสารภายในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ อย่างสวยงามมีการแสดงข้อมูลในรูปของ ข้อความ ภาพ และระบบมัลติมีเดียต่างๆ ทำให้การดูเอกสารบนเว็บมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นในปัจจุบัน ปัจจุบัน web browser ส่วนใหญ่จะรองรับ html 5 และ อ่าน css เพื่อความสวยงามของหน้า web page
Social Network คืออะไร
Social Network คือ บริการเครือข่ายสังคม (อังกฤษ: social network service) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมล วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก
Social Network คือ บริการเครือข่ายสังคม (อังกฤษ: social network service) เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมล วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก
สังคมออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเตอร์เนทได้ง่ายๆ เราสามารถที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมา เพื่อแนะนำตัวเองได้ เช่น
· Hi 5
· Friendster
· My Space
· Face Book
· Orkut
· Bebo
· Tagged
ขอบคุณข้อมูลจาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น